โอกาสและความเหมาะสมในการเปลี่ยนมาใช้ Heat Pump แทน Boiler ในภาคอุตสาหกรรมของไทย
ประเทศไทยมีอุตสาหกรรมจำนวนมากที่ใช้พลังงานความร้อน เช่น อาหาร สิ่งทอ เคมี และโลหะ โดยมักพึ่งพาหม้อไอน้ำที่ใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล ซึ่งปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO₂) จำนวนมาก การเปลี่ยนมาใช้ระบบ Heat Pump ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพสูงและปล่อยมลพิษต่ำ จึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ โดยสามารถนำบทเรียนจากญี่ปุ่นมาประยุกต์ใช้ในประเทศไทยอย่างมีกลยุทธ์
เป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
ประเทศไทยมีเป้าหมายที่จะบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี พ.ศ. 2593 (ค.ศ. 2050) ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายระดับโลกในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก แผนพลังงานแห่งชาติของไทยจึงมุ่งเน้นการปรับเปลี่ยนไปสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ (Low Carbon Economy) โดยมีเป้าหมายหลักคือการลดการพึ่งพาก๊าซเรือนกระจกและหันมาใช้พลังงานสะอาดมากขึ้น
เหตุผลที่ประเทศไทยควรพิจารณาใช้ Heat Pump
ประหยัดพลังงานและค่าใช้จ่ายระยะยาว
COP ของ Heat Pump สูงกว่าหม้อไอน้ำหลายเท่า ช่วยลดค่าใช้จ่ายได้ถึง 30–70%
สนับสนุนเป้าหมาย “Carbon Neutrality 2050”
ไทยมีแผนพลังงานแห่งชาติที่มุ่งสู่การปล่อยคาร์บอนเป็นศูนย์
ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ
มีโครงการจาก สนพ. และกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
เหมาะกับภูมิอากาศของไทย
อุณหภูมิเฉลี่ยสูง ทำให้ Heat Pump ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
กลุ่มอุตสาหกรรม | กระบวนการที่เหมาะสม | ช่วงอุณหภูมิที่ใช้ (°C) |
อาหาร / เครื่องดื่ม | ล้าง, ฆ่าเชื้อ, อุ่น | 40–100°C |
สิ่งทอ | ย้อมผ้า, ล้างผ้า, อบผ้า | 60–140°C |
ยา / เคมี | กลั่น, ต้ม, ฆ่าเชื้อ | 60–150°C |
โลหะ / ชิ้นส่วนรถยนต์ | ชุบผิวโลหะ, ล้างชิ้นส่วน | 40–150°C |
👉 หมายเหตุ: กระบวนการที่ใช้ความร้อนอุณหภูมิ 90°C เหมาะกับ Hot Water Heat Pump กรณีที่ใช้อุณหภูมิมากกว่า 90 °C ให้พิจารณาใช้ Stream boiler ร่วมในการผลิตน้ำร้อน
ข้อพิจารณาก่อนติดตั้ง Heat Pump
พื้นที่ติดตั้งต้องเพียงพอ
ความเหมาะสมกับกระบวนการผลิต
ต้นทุนเริ่มต้นสูง แต่คืนทุนได้ภายใน 2–7 ปี
ต้องฝึกอบรมบุคลากรให้ดูแลระบบใหม่ได้
คำนึงถึงการบำรุงรักษาและการบริการหลังการขาย
ศึกษาข้อกำหนดและมาตรฐานที่เกี่ยวข้อง
พิจารณาอายุการใช้งานของระบบและความพร้อมของอะไหล่
ตรวจสอบความพร้อมของแหล่งพลังงานไฟฟ้าที่จะใช้ร่วมกับ Heat Pump
ด้วยการพิจารณาและวางแผนอย่างรอบคอบ การติดตั้ง Heat Pump ผลิตน้ำร้อนอุณหภูมิสูง หรือ เครื่องทำน้ำร้อนอุตสาหกรรม ในอุตสาหกรรมไทยจะเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าและมีประโยชน์ทางเศรษฐกิจในระยะยาว อีกทั้งยังเป็นการสนับสนุนให้ไทยก้าวสู่ความยั่งยืนในด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง
_(1782_x_1188_px).png)
ตัวอย่างแนวทางการประยุกต์ในไทย
อุตสาหกรรมแปรรูปอาหาร
ใช้ฮีตปั๊มผลิตน้ำร้อนสำหรับการล้างหรือฆ่าเชื้อแทน Boiler ลดการใช้ LPG ช่วยลด CO₂ และต้นทุนเชื้อเพลิง 30–50%
โรงงานย้อมผ้า
ใช้ Heat Pump ร่วมกับระบบหม้อไอน้ำเดิมแบบ Hybrid เพื่อลดการทำงานในช่วงโหลดต่ำอุตสาหกรรม
เคมี
ประยุกต์ใช้ Heat Pump ในการควบคุมอุณหภูมิของปฏิกิริยาเคมีบางประเภท ซึ่งช่วยลดการใช้พลังงานไฟฟ้าและความร้อนจากแหล่งเชื้อเพลิงฟอสซิลได้อย่างมีประสิทธิภาพ
โรงงานผลิตเครื่องดื่ม
ใช้ Heat Pump ในการผลิตน้ำร้อนสำหรับการล้างอุปกรณ์และภาชนะ เพื่อลดการใช้พลังงานและต้นทุนเชื้อเพลิง
อุตสาหกรรมโลหะ
ใช้ Heat Pump ในกระบวนการหลอมและการรักษาอุณหภูมิของโลหะเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
การนำ ฮีทปั๊ม Heat Pump ผลิตน้ำร้อนอุณหภูมิสูง มาใช้ในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ไม่เพียงแต่ช่วยลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ แต่ยังช่วยให้การดำเนินงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น ตอบสนองต่อความต้องการในการลดต้นทุนพลังงานและสนับสนุนการพัฒนาอย่างยั่งยืนในทุกภาคส่วนของอุตสาหกรรมไทย
กล่าวโดยสรุปคือ Heat Pump ผลิตน้ำร้อนอุณหภูมิสูง เป็นทางเลือกที่มีศักยภาพสูงสำหรับภาคอุตสาหกรรมของไทย โดยเฉพาะกระบวนการผลิตที่ใช้ความร้อนระดับต่ำถึงปานกลาง การนำระบบนี้มาใช้จะไม่เพียงช่วยลดต้นทุนพลังงาน แต่ยังสนับสนุนเป้าหมายลดการปล่อยคาร์บอนของประเทศ หากมีการวางแผนและสนับสนุนอย่างเหมาะสม ไทยสามารถเดินตามรอยความสำเร็จของญี่ปุ่นได้อย่างยั่งยืนด้วยการสร้างสรรค์นวัตกรรมและการปรับตัวที่เหมาะสม การใช้ Heat Pump ระบบน้ำร้อนประหยัดพลังงาน จะเป็นก้าวสำคัญในการปฏิวัติภาคอุตสาหกรรมไทยให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น การร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนจะเป็นกุญแจสำคัญในการเปลี่ยนแปลงนี้ ทั้งในด้านการให้ความรู้ การสนับสนุนด้านการเงิน และการพัฒนานโยบายที่เอื้อต่อการลงทุนในเทคโนโลยีที่ยั่งยืน
ในอนาคต ความสำเร็จของการเปลี่ยนมาใช้ Heat Pump ในโรงงานอุตสาหกรรมไทยจะไม่เพียงส่งผลดีต่อสิ่งแวดล้อมเท่านั้น แต่ยังเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลกที่ให้ความสำคัญกับความยั่งยืนและการลดการปล่อยคาร์บอนอีกด้วย
ปรึกษาและสอบถามเพิ่มเติมได้ที่